อัพเดทและเที่ยวชมงาน
คน ผึ้ง ป่า สำรวจความหวานจากธรรมชาติ และศักยภาพทางเศรษฐกิจจาก "ผึ้ง"
เมื่อพูดถึงน้ำผึ้ง เราอาจนึกถึงน้ำหวานข้นหนืดรสชาติหวานละมุนที่มาจากสัตว์ขนาดจิ๋วอย่างผึ้ง ที่สามารถเสริมความหวานตามธรรมชาติให้อาหาร ขนม เครื่องดื่ม หลากหลายชนิด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผึ้งยังสร้างประโยชน์อันมหาศาลให้สังคมมนุษย์ ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารการกิน ในงานเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2567 (Chiang Mai Design Week 2024) ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เรื่องการออกแบบที่คนรักความคิดสร้างสรรค์รอคอย แต่งานครั้งนี้งานดีไซน์วีคเล่าเรื่องไปไกลกว่านั้น ด้วยการนำเสนอ 10 โปรแกรมหลัก ภายใต้แนวคิด SCALING LOCAL หรือการยกระดับศักยภาพท้องถิ่นไปสู่ระดับสากล ผ่านนิทรรศการและโปรเจ็กต์ในหมวดต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนิทรรศการ ‘คน-ผึ้ง-ป่า’ ที่ว่าด้วยเรื่องผึ้ง ๆ นิทรรศการ คน-ผึ้ง-ป่า ถ่ายทอด เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคน ผึ้ง และผืนป่า ผ่านการจัดแสดงเอกลักษณ์และความหลากหลายของรสชาติน้ำผึ้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และชวนมาทำความรู้จักผึ้ง ฮีโร่ตัวจิ๋วที่อยู่เบื้องหลังความหลากหลายทางชีวภาพของโลกใบนี้ และรับหน้าที่ยิ่งใหญ่อย่างการช่วยรักษาระบบนิเวศในภาพรวมด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ ในนิทรรศการ คน ผึ้ง ป่า เริ่มต้นด้วยการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างผึ้งกับป่า โดยเล่าว่าผึ้งมีมากกว่า 20,000 ชนิด สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ ผึ้งที่อยู่รวมกันเป็นสังคม (Social Bees) ผึ้งที่อยู่รวมเป็นสังคมมีการแบ่งหน้าที่ที่ชัดเจน ได้แก่ นางพญา ผึ้งงาน และผึ้งตัวผู้ ส่วนอีกกลุ่มคือ ผึ้งที่ใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว (Solitary Bees) คิดเป็น 90% ของผึ้งทั้งหมด ผึ้งเหล่านี้ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ตัวเมียจะวางไข่แล้วทิ้งรังไป ไม่ดูแลตัวอ่อน ผึ้งกลุ่มนี้มีบทบาททำหน้าที่เป็นผู้ผสมเกสรที่ช่วยให้พืชเติบโตและผลิตผลได้ จากฮีโร่ตัวจิ๋วอย่างผึ้ง จึงนำไปสู่ น้ำผึ้ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ เพราะรสชาติของน้ำผึ้งคือสิ่งที่บอกความอุดมสมบูรณ์ของป่า ซึ่งตัวชี้วัดที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด ยิ่งป่าไหนมีรังผึ้งเยอะ แสดงว่าป่านั้นยิ่งสมบูรณ์ รังผึ้งบอกได้ถึงว่าปีนั้นแห้งแล้งหรือฝนชุ่มฉ่ำ หรือป่านั้นได้รับการดูแลรักษา เฝ้าระวังไฟป่า พ้นจากการลักลอบทำลายป่าโดยคนในพื้นที่ จนทำให้ระบบนิเวศในป่าเกิดความสมบูรณ์ยาวนาน โดยในนิทรรศการ โดยในงานจะมีตัวอย่างน้ำผึ้งหลากหลายชนิด ให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ลองลิ้มชิมรสชาติอันหอมหวานและซับซ้อนของน้ำผึ้ง ความน่าสนใจเกี่ยวกับน้ำผึ้ง คือ มีรสชาติมากถึง 10 รส ได้แก่ รสหวาน หวานหอมกลิ่นดอกไม้ หวานนวล หวานเปรี้ยว หวานขม หวานเย็น หวานเค็ม และอีก 2 รสจากกลิ่นเฉพาะของพื้นที่ที่ชัดเจน เช่น น้ำผึ้งป่าชายเลนก็จะมีกลิ่นเหมือนกลิ่นผลไม้หมัก หรือน้ำผึ้งป่าพรุในระบบนิเวศน้ำกร่อยและน้ำจืดก็จะได้อีกรสหนึ่ง ในนิทรรศการยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปการทดสอบน้ำผึ้งด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งการทดสอบสี การเขย่าดูฟอง การหยดลงบนกระดาษทิชชู เป็นต้น ผศ.เทิด ดิษยธนูวัฒน์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ริเริ่มโครงการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผึ้งและการเลี้ยงผึ้งอย่างยั่งยืน เล่าว่า ความจริงแล้วน้ำผึ้งไทยโดยเฉพาะน้ำผึ้งลำไยเป็นสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มเพิ่มปริมาณทุก ๆ ปี แนวโน้มเติบโตไปทางบวก “นอกจากน้ำผึ้งพันธุ์แล้ว ปัจจุบันเกษตรกรไทยก็สนใจเลี้ยงผึ้งชันโรงเพิ่มขึ้นมา เนื่องจากมีความดุน้อยกว่า ตัวน้ำผึ้งมีมูลค่าสูงและมีคุณสมบัติส่งเสริมสุขภาพที่ดีมาก ๆ อีกทั้งการจัดงานประชุมกับเกษตรกรหลายครั้งก็เห็นคนรุ่นใหม่สนใจมาเลี้ยงผึ้งกันพอสมควร ถือเป็นสัญญาณที่ดีของวงการว่ายังมีการสานต่อ” ผศ.เทิด เล่าถึงความน่าสนใจของน้ำผึ้งไทยเทียบกับต่างชาติ โดยอิงจากงานวิจัยของทีม SMART BEE SDGs ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่า น้ำผึ้งโดยเฉพาะลำไยมีสีกลิ่นรสที่ดีมาก อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเพื่อสุขภาพที่สูงพอสมควร อีกทั้งเมืองไทยมีผึ้งน้ำหวานถึง 6 ชนิด อย่างน้ำผึ้งโพรง น้ำผึ้งหลวง จึงทำให้มีความหลากหลายของน้ำผึ้งเยอะ “ผึ้งชันโรงบ้านเราก็มีชนิดที่เฉพาะถิ่นหลายตัว และมีความคุณสมบัติดีมากอย่างที่กล่าวไปจึงทำให้มีความพิเศษต่างจากที่อื่น จึงเป็นที่น่าสนใจเพื่อการต่อยอดและแข่งขันกับนานาชาติได้” นอกจากนี้ ในนิทรรศการยังนำเสนอผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งที่สรรสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยชุมชนพื้นเมือง สนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตน้ำผึ้งจากชุมชนต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ โดยผศ.เทิด เสริมเรื่องการส่งเสริมน้ำผึ้งไทยว่า ภาครัฐของไทยมีส่วนที่รับผิดชอบด้านนี้อยู่ คือ ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านแมลงเศรษฐกิจ ที่สังกัดกรมส่งเสริมการเกษตรหรือเป็นการทำมาตรฐานฟาร์ม โดยกรมปศุสัตว์เองก็มีบทบาทในการขับเคลื่อนนโยบายและ ส่งเสริมการเลี้ยงผึ้ง “อีกส่วน คือ มหาวิทยาลัย ที่เราช่วยทำวิจัยที่เกี่ยวกับผึ้งในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เป็นข้อมูลในการนำไปเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ รักษาประชากรผึ้ง หรือ ระบุชนิดผึ้งใหม่ ๆ โชคดีที่มหาวิทยาลัยไทยมากกว่า 10 ที่ที่วิจัยเกี่ยวกับผึ้งในหลากหลายมุมมอง ถือว่าไทยเราเข็มแข็งเรื่องงานวิจัยผึ้งมากในวงการผึ้งนานาชาติ” “เอกชนที่ทำน้ำผึ้งไทยเข็มแข็งมาก มีทั้งระบบกลุ่มเกษตรกร SMEs หรือ โรงงาน ในการซื้อขาย รวมตัวกันแลกเปลี่ยนความรู้ หรือตลอดจนการกำหนดราคาต่าง ๆ” ในแง่ของการยกระดับและสร้างมูลค่าของน้ำผึ้งไทย เพื่อสร้างโอกาสในเชิงธุรกิจนั้น จะต้องใช้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นข้อมูลในพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และเพิ่มมูลค่าให้เกษตรกร โดยผศ.เทิด เสริมยกตัวอย่างน้ำผึ้งมานูก้าของนิวซีแลนด์ที่ขายได้ราคาสูง ก็ด้วยผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน “อีกเรื่องคือการส่งเสริมการผลิตน้ำผึ้งไทยอินทรีย์ เพื่อตลาดมูลค่าสูง ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทาย ด้วยนิยามของคำว่าอินทรีย์และการจัดการนั้นยากมาก ต้องมีการศึกษาต่อไป” นอกจากนี้ ผศ.เทิด ยังเสริมว่า เราสามารถสร้างโอกาสให้ชาวบ้าน คนเก็บน้ำผึ้ง ได้จากการทำเวิร์กช็อป การสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็ง การสอนทำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือ ให้ข้อมูลใหม่จากการวิจัยให้กับเกษตรกร สม่ำเสมอ ตลอดจนมีการบริการชุมชม อย่างที่ทีมวิจัย SMART BEE SDGs เราหาทุนวิจัยมารับตรวจน้ำผึ้งจากชาวบ้านฟรี เพื่อนำไปใช้ในการส่งเสริมการขายและใช้ได้จริง ๆ เกษตรกรหลายท่านเอาไปตั้งโชว์ในการออกบู้ททำให้เพิ่มราคาได้ ตลอดจนเปิดตลาดใหม่ ๆ จากการส่งเสริมของภาครัฐและเอกชน “หากผึ้งหายไปจากระบบนิเวศ เนื่องจากกิจกรรมมนุษย์หลาย ๆ อย่าง อาทิ การใช้สารเคมี การทำเกษตรแบบพืชเชิงเดี่ยว ผึ้งลดลง พืชพันธุ์ก็ผสมพันธุ์ได้ลดลง พืชผักผลไม้หายไป สัตว์กินพืชก็ลดประชากรลง สัตว์กินสัตว์เองก็จะลดลงตาม จนสุดท้ายก็วนกลับมายังมนุษย์เราเองที่อยู่บนสุดในระบบนิเวศจะขาดแคลนอาหาร” “เมื่อสิ่งแวดล้อมทั้งระบบล่มสลาย มนุษยชาติก็ต้องล่มสลายในที่สุด แต่ถ้ามนุษย์เราอย่างน้อยช่วยกันช่วยปลูกพืชดอกในบริเวณบ้าน รักษาแหล่งน้ำให้ชุ่มชื้น หรือเจอผึ้งไม่ไปทำลายเขา แต่ยิ้มให้เขาสักหน่อย ให้ผึ้งตัวน้อย ๆ เหล่านี้ไปแวะเวียนมาตอม มาช่วยผสมเกสร เพียงเท่านี้ คน ผึ้ง ป่า ก็จะมีกันและกันไปอีกนาน” เหล่านี้คือข้อมูลและความน่าสนใจจากนิทรรศการ ที่สะท้อนเรื่องราวของผึ้งซึ่งสัมพันธ์กับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างที่ใครหลายคนอาจคาดไม่ถึง
10 มิ.ย. BBBB
Open Call for CMDW2025
เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2568ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568โอกาสดีที่จะเป็นหนึ่งในฐานะ “นักสร้างสรรค์” ของเทศกาลงานออกแบบระดับประเทศ เติมพลังสร้างสรรค์แบบเหนือ ๆ ยกระดับท้องถิ่นด้วยความร่วมมือที่ไม่จำกัดเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ (Chiang Mai Design Week) เป็นเวทีรวมพลังนักสร้างสรรค์จากทุกสารทิศ ที่เชื่อว่าการผนึกกำลังของคนในพื้นที่ เมื่อจับมือกับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง และผลักดันให้เมืองและชุมชนเติบโตอย่างสร้างสรรค์สู่ทศวรรษใหม่ของเทศกาลออกแบบที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย เทศกาลฯ กลับมาพร้อมกับแนวคิด 𝗟𝗢𝗖𝗔𝗟 𝗣𝗟𝗨𝗦 (โลคัล พลัส) ยกระดับเชียงใหม่และภาคเหนือ ให้เป็นพื้นที่ “คิดบวก” สำหรับรองรับไอเดียใหม่ ๆ นวัตกรรม ผู้คน ความสนุกสนาน และเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ เปลี่ยนงานออกแบบให้เป็นมากกว่าความงามและการใช้งาน แต่เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมที่จับต้องได้จริงโดยเทศกาลเปิดรับผลงานหรือกิจกรรมจากนักสร้างสรรค์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 ประกอบด้วย1. การจัดแสดง (𝗦𝗵𝗼𝘄𝗰𝗮𝘀𝗲 𝗮𝗻𝗱 𝗘𝘅𝗵𝗶𝗯𝗶𝘁𝗶𝗼𝗻) การจัดแสดงผลงานที่นําเสนอแนวคิดเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิต และสามารถสร้างโอกาสใหม่ในการต่อยอดใช้ได้จริง2. กิจกรรมเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ อีเวนต์ (𝗘𝘃𝗲𝗻𝘁) เวิร์กช็อป (𝗪𝗼𝗿𝗸𝘀𝗵𝗼𝗽) เสวนา (𝗧𝗮𝗹𝗸) ทัวร์ (𝗧𝗼𝘂𝗿) ดนตรีและการแสดง (𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰 & 𝗣𝗲𝗿𝗳𝗼𝗿𝗺𝗮𝗻𝗰𝗲)3. ร้านค้าในตลาด 𝗣𝗢𝗣 𝗠𝗮𝗿𝗸𝗲𝘁 เปิดรับร้านค้า สินค้าดีไซน์ แบรนด์ที่สะท้อนศักยภาพพื้นถิ่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Local Sustainable Living) ได้แก่ เครื่องแต่งกาย ไลฟ์สไตล์ ของแต่งบ้านและอาหาร4. สถานที่ (𝗩𝗲𝗻𝘂𝗲) เปิดรับพื้นที่ที่มีศักยภาพสนับสนุนการจัดแสดงโปรเจ็กต์และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น สตูดิโอ ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม โกดัง ลานโล่ง เป็นต้น📍สมัครได้ที่: https://www.chiangmaidesignweek.com/apply📢 ประกาศผลการคัดเลือกในวันที่ 15 กรกฏาคม 2568 ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Chiang Mai Design Weekเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2568 (Chiang Mai Design Week 2024) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 14 ธันวาคม 2568 ณ ย่านกลางเวียง ย่านช้างม่อย-ท่าแพ แล้วพบกันที่เชียงใหม่สามารถดูคู่มือการสมัครได้ที่นี่: https://drive.google.com/file/d/1gRP1VSgIyHjYkLoa8N0CDg92mEt7H89P/view?usp=drive_link#CMDW2025 #LocalPlus #ChiangMaiDesignWeek #CreativeCity #BusinessOpportunity #DesignForImpact #CallForCreators
17 พ.ค. BBBB
โอกาสดีในการเปลี่ยนพื้นที่ของคุณ ให้กลายเป็นจุดหมายใหม่ของเมือง!
𝗖𝗵𝗶𝗮𝗻𝗴 𝗠𝗮𝗶 𝗗𝗲𝘀𝗶𝗴𝗻 𝗪𝗲𝗲𝗸 𝟮𝟬𝟮𝟱 ขอเชิญเจ้าของพื้นที่ว่าง หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการพัฒนา เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ของคุณให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความคิดสร้างสรรค์ จุดเช็กอินใหม่ของเมือง และพื้นที่แห่งการพบปะ แลกเปลี่ยน ที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อเชียงใหม่ ด้วยแนวคิด “Local Plus” มาร่วมสร้างสรรค์ เชื่อมโยงชุมชน อย่างยั่งยืนสิ่งที่คุณจะได้รับ:– แนวคิดการใช้พื้นที่อย่างสร้างสรรค์ จากนักออกแบบและทีมสร้างสรรค์ชั้นนำ– โอกาสเผยแพร่พื้นที่ผ่านเว็บไซต์ แผนที่เทศกาล และโซเชียลมีเดียของงาน– โอกาสต่อยอดการพัฒนาในเชิงธุรกิจหรือเพื่อสังคม– การเชื่อมต่อกับเครือข่ายนักลงทุนและผู้สนใจพัฒนาโครงการในอนาคต– สิทธิ์ในการนำภาพกิจกรรมไปใช้ประชาสัมพันธ์พื้นที่ในอนาคตอย่าพลาดโอกาสสำคัญนี้!// เปิดรับสมัครแล้ว // https://www.chiangmaidesignweek.com/apply/สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568ร่วมเป็นหนึ่งในสถานที่สร้างสรรค์ของเทศกาล 𝗖𝗵𝗶𝗮𝗻𝗴 𝗠𝗮𝗶 𝗗𝗲𝘀𝗶𝗴𝗻 𝗪𝗲𝗲𝗸 𝟮𝟬𝟮𝟱#CMDW2025 #chiangmaidesignweek #LocalPlus
04 พ.ค. BBBB
การประชุมเครือข่ายผู้ร่วมจัดเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ (Chiang Mai Design Week)
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่ ได้จัดการประชุมภาคีเครือข่ายผู้ร่วมจัดเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ (Chiang Mai Design Week) เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากการจัดเทศกาลฯ ในปีที่ผ่านมาและรับข้อเสนอแนะ แนวทางการเตรียมจัดงานเทศกาล CMDW2025 จากบรรดานักสร้างสรรค์ รวมถึงองค์กร สถาบันการศึกษา และหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่ มากกว่า 20 หน่วยงาน ซึ่งในปีนี้ เทศกาลฯ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Local Plus” เพื่อยกระดับเชียงใหม่และภาคเหนือ ให้เป็นพื้นที่ “คิดบวก” เติมพลังสร้างสรรค์แบบเหนือ ๆ เชื่อมโลกด้วยความร่วมมือที่ไม่จำกัด กับปีที่ 11 ของเทศกาลสุดสร้างสรรค์ของภูมิภาคเทศกาล CMDW2025 จะจัดขึ้นในวันที่ 6 – 14 ธันวาคม 2568 มาร่วมสำรวจพลังบวกของคนเหนือ ที่นำไปสู่ผลกระทบเชิงบวกอย่างไม่สิ้นสุด ไปพร้อม ๆ กัน ที่เชียงใหม่!#CMDW2025 #ChiangMaiDesignWeek #LocalPlus
01 พ.ค. BBBB
เติมพลังสร้างสรรค์แบบเหนือ ๆ ยกระดับท้องถิ่นด้วยความร่วมมือที่ไม่จำกัด
𝗟𝗢𝗖𝗔𝗟 𝗣𝗟𝗨𝗦เติมพลังสร้างสรรค์แบบเหนือ ๆ ยกระดับท้องถิ่นด้วยความร่วมมือที่ไม่จำกัดChiang Mai Design Week 2025โลกที่หมุนไว เศรษฐกิจที่ผันผวน สังคมที่พลิกโฉม และธรรมชาติที่เดาใจยาก – เราจะรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างไร ถ้าไม่เริ่มจาก “การร่วมมือกัน” เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ (Chiang Mai Design Week) เป็นเวทีรวมพลังนักสร้างสรรค์จากทุกสารทิศ ที่เชื่อว่าการผนึกกำลังของคนในพื้นที่ เมื่อจับมือกับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง และผลักดันให้เมืองและชุมชนเติบโตอย่างสร้างสรรค์เทศกาล CMDW2025 กลับมาพร้อมกับแนวคิด 𝗟𝗢𝗖𝗔𝗟 𝗣𝗟𝗨𝗦 (โลคัล พลัส) ยกระดับเชียงใหม่และภาคเหนือ ให้เป็นพื้นที่ “คิดบวก” สำหรับรองรับไอเดียใหม่ ๆ นวัตกรรม ผู้คน ความสนุกสนาน และเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ เปลี่ยนงานออกแบบให้เป็นมากกว่าความงามและการใช้งาน แต่เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมที่จับต้องได้จริงไม่เพียงการคิดบวก 𝗟𝗢𝗖𝗔𝗟 𝗣𝗟𝗨𝗦 ยังสะท้อนผ่านเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ที่นำไปสู่ผลลัพธ์ไม่จำกัด:“คูณ” (multiply, ×) เพิ่มพลังสร้างสรรค์เป็นทวีคูณ ขยายพื้นที่จัดแสดงจากเชียงใหม่สู่เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ในภาคเหนือ และเชื่อมพื้นที่ปล่อยของสำหรับนักสร้างสรรค์ท้องถิ่นสู่ระดับสากล“หาร” (division, ÷) แบ่งปันนวัตกรรมและองค์ความรู้ สร้างพื้นที่กลางสำหรับแชร์ไอเดียใหม่ ๆ เพื่อเปลี่ยนความร่วมมือที่ตั้งต้นจากท้องถิ่น เป็นกลไกยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนทั้งประเทศและ “ลบ” (minus, −) การประสานความร่วมมือเพื่อขจัดข้อจำกัดที่ทำให้ก้าวไม่พ้น ลดการทำงานซ้ำซ้อน ลดการสิ้นเปลืองทรัพยากร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาร่วมสำรวจพลังบวกของคนเหนือ ที่นำไปสู่ผลกระทบเชิงบวกอย่างไม่สิ้นสุด (infinity, ∞) ในเทศกาลออกแบบเชียงใหม่ 2568 (Chiang Mai Design Week 2025) ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 6 – 14 ธันวาคม 2568 ที่เชียงใหม่แล้วพบกัน!#CMDW2025 #chiangmaidesignweek #LocalPlus
30 เม.ย. BBBB